บทที่ 10 ตอนที่ 10

ความหมายจากประโยคของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวได้สติ หล่อนสลัดศีรษะแรงๆ จนเส้นผมสีดำขลับยาวสลวยกระจัดกระจาย และกำลังจะก้าวถอยหลังหนี แต่มือใหญ่คว้าแผ่นหลังบอบบางเอาไว้เสียก่อน

“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่ขึ้นสวรรค์กับฉันก่อนสิ”

“ไอ้...ไอ้คนบ้า...เอามือสกปรกออกไปจากตัวของฉันเดี๋ยวนี้นะ”

หล่อนแหวเป็นประโยคยาวเฟื้อย แต่น้ำเสียงนั้นช่างอ่อนแรงเหลือเกิน คงเป็นเพราะกำลังเมากับเสน่ห์ของแมทธิวอยู่นั่นเอง

แมทธิวอมยิ้ม โน้มศีรษะต่ำลงมาหา

มัทนาเบิกตากว้างตกใจ แก้มนวลแดงก่ำ “นาย...นายจะทำอะไรน่ะ”

เขาอมยิ้มอีกครั้งจนเห็นลักยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก “แล้วเธอคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ”

“จูบ...งั้นเหรอ”

ดวงตาคมกริบจับจ้องไม่ห่าง หล่อนหัวใจเต้นแรงไม่หยุด และก็เม้มปากเป็นเส้นตรง พร้อมกับหลับตาช้าๆ

หล่อนต่อสู้เขาไม่ได้ ก็ต้องยอมให้แมทธิวจูบใช่ไหม

“หลับตาทำบ้าอะไรแม่คุ้ณ ฉันไม่ได้คิดจะจูบเธอสักหน่อย”

แล้วเขาก็ปล่อยมือจากแผ่นหลังของหล่อน พร้อมกับถอยออกห่าง หล่อนที่ไร้เรี่ยวแรงอยู่ล้มลงก้นกระแทกกับพื้น

“ไอ้คนบ้า!”

“เผอิญฉันไม่ใช่ผู้ชายมักง่าย ที่พอคลำไม่มีหางก็เอาได้หมด ฉันเลือกผู้หญิง” เขาจ้องมองมาที่หล่อนด้วยสายตาขบขัน “และขี้เหร่ๆ อย่างเธอ คิดว่าฉันจะเอาลงหรือ ไม่มีวันนั้นหรอก” แล้วพ่อคุณก็หัวเราะร่วน พร้อมกับเดินจากไปอย่างสะใจ

“ไอ้คนเลว...ไอ้ผู้ชายใจดำ!”

หญิงสาวกัดฟันลุกขึ้นยืน น้ำตาซึม มองตามร่างของแมทธิวไปอย่างโกรธแค้น

“ไอ้คนตาถั่ว ไอ้ผู้ชายตาบอด!”

มีอย่างที่ไหนมาว่าหล่อนขี้เหร่ ทั้งๆ ที่หล่อนก็ออกจะสวยงามราวกับนางสาวไทย

มัทนาเต็มไปด้วยความโมโห และไม่เหลืออารมณ์ดีๆ เอาไว้อยู่รอพบหน้าเมสันอีก หล่อนถอนหายใจแรงๆ หน้าตาบูดบึ้ง และกระทืบเท้าเดินออกไปจากบ้านของตระกูลมาเลซาสโซอย่างหงุดหงิด

“นังนัตตี้...แกตื่นหรือยังน่ะ”

พอออกมายืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังงามแล้ว มัทนาก็รีบต่อสายหาเพื่อนสนิททันที

“ตื่นแล้ว ว่าไงแก”

“ไปเดินซื้อชุดทำงานที่ห้างกับฉันหน่อยสิ สิบโมงเจอกันนะแก”

“ได้ๆ ไว้เจอกัน” ดลกรที่ยังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงยกมือขึ้นเกาหัว พลางบ่นพึมพำ “มีเรื่องให้นัตตี้ต้องออกจากบ้านทรายทองทุกวันเลยนะ นังชะนีมัทนา”

แม้จะบ่นกระปอดกระแปด แต่ดลกรก็ไม่เคยขัดใจเพื่อนชะนีสุดที่รักอย่างมัทนาได้สักที

มัทนาเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังด้วยความมั่นใจเฉกเช่นทุกครั้ง และยิ่งครั้งนี้มีสายตาของทุกคนพุ่งตรงมองมา หล่อนก็ยิ่งต้องเชิดหน้าสูงด้วยความมั่นใจล้านเท่า

‘แหม รู้ตัวอยู่แล้วล่ะว่าสวยมาก แต่ไม่ต้องมองกันแบบนี้ได้เปล่า มันค่อนข้างเขินน่ะ’

มัทนาคิดอย่างภาคภูมิใจ พลางพยายามเชิดหน้าสูงขึ้นอีก เมื่อสายตาของทุกคนยังจับจ้องไม่หยุด

‘อ้าว ดูสิ มองกันจังเลย มองไม่หยุดไม่หย่อน นี่ไม่รู้จักคนสวยหรือยังไงนะ’

คนถูกมองเต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องล้นอก ราวกับว่าตัวเองคืออั้ม พัชราภาก็ไม่ปาน

‘เชอะ อยากจะให้นายแมทธิวมาเห็นนัก จะได้รู้ว่าทุกคนเขาชื่นชมในความสวยของหล่อนมากแค่ไหน มีแต่นายนั่นคนเดียวนั่นแหละที่ตาบอด ตาถั่ว ตาไม่ถึง’

หญิงสาวหัวเราะในอก ขณะเดินตรงไปยังดลกรที่ยืนยิ้มกว้างรออยู่ไม่ไกลนัก

“นี่หล่อน ทำไมจะต้องเชิดหน้าสูงขนาดนั้นยะ เดี๋ยวก็คอหักตายกันพอดีหรอกย่ะ”

“ก็แกไม่เห็นหรือไง คนที่นี่มองฉันด้วยความชื่นชมน่ะ ตั้งแต่ลงจากรถแท็กซี่ เดินเข้ามาในนี้ ทุกคนเลยนะ ย้ำว่าทุกคน มองฉันเป็นตาเดียวกัน สงสัยเขาจะนึกว่าอั้ม พัชราภามาเที่ยวห้าง”

มัทนาหัวเราะคิกคักด้วยความพึงพอใจ

“ไหนแก...”

ดลกรหันไปมองรอบๆ ตัวบ้าง ก่อนจะหันมาพูดกับเพื่อนชะนี

“แต่ฉันว่าพวกนั้นมองแกแปลกๆ นะนังมัท”

“แปลกยังไง ฉันเห็นความชื่นชมชื่นชอบออกมาจากสายตาของคนพวกนั้นทุกคนเลยนะ”

“ไม่มั้งแก...” ดลกรค้านอีกครั้งอย่างไม่เห็นด้วย “พวกนั้นมองแกแล้วก็...ยกมือขึ้นปิดปากแล้วก็หัวเราะน่ะ ฉันว่า...เหมือนขำๆ อะไรสักอย่างมากกว่านะ”

“แกคิดมากไปนังนัตตี้ พวกนั้นจะมาขำอะไรฉัน คนสวยๆ อย่างฉันก็ต้องมีคนมองแบบนี้เสมอนั่นแหละ นี่แกยังไม่ชินที่มีเพื่อนสวยอีกเหรอยะ”

“แกนี่มันยกหางตัวเองได้ตลอดเลยนะ”

“ฉันพูดความจริงนี่นา ว่าแต่เราอย่าไปสนใจคนพวกนั้นเลย แกพาฉันไปซื้อชุดทำงานดีกว่า พ่อให้ฉันหางานน่ะ”

“อ้าว ไหนว่าพ่อแกไม่ยอมให้แกทำงานไงล่ะ”

“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้พ่อเปลี่ยนใจแล้ว ฉันก็งงๆ แต่ก็ต้องทำตามน่ะ”

“อืม งั้นไปกันเถอะ” ดลกรพยักหน้ารับ และตวัดมือโอบแผ่นหลังของเพื่อนสาว แต่ก็ต้องรีบชักมือกลับ เพราะสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่แผ่นหลังของเพื่อน

“นี่แก หันหลังซิ”

“อะไรเหรอนังนัตตี้”

“ไม่รู้หันหลังมาก่อน”

มัทนารีบหมุนตัวหันหลังให้เพื่อนสนิท ก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะขบขันดังลั่นออกมาจากปากของดลกร

“เฮ้ยยยย แก...ใครเขียนน่ะ ถูกใจฉันจังว่ะ”

“เขียน? อะไรของแกนังนัตตี้”

ดลกรพยายามกลั้นหัวเราะแต่ไม่อยู่

“ก็นี่ไง”

แล้วก็รีบดึงกระดาษออกมาจากแผ่นหลังของมัทนา ก่อนจะยื่นให้กับเพื่อน

“ยิ่งกว่าแรดก็ฉันนี่แหละค่ะ” ดลกรอ่านทวน ก่อนจะหัวเราะลั่นอย่างหยุดไม่ได้ “ถูกใจฉันจริงๆ เลยว่ะนังมัท นี่ฉันอยากรู้จังใครเขียน ฉันจะได้มอบธนบัตรใบสุดท้ายในกระเป๋าให้คนคนนั้น”

มัทนาเห็นข้อความในกระดาษ แล้วก็กำมือแน่น ขยำกระดาษใบนั้นจนแทบแหลกคามือ ดวงตาลุกโชนไปด้วยกองไฟ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป